วันพุธที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2555

Ryan Joseph Giggs (2)

ผลงาน

 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

  • พรีเมียร์ลีก แชมป์ 12 สมัย : ฤดูกาล 1992-1993, 1993-1994, 1995-1996, 1996-1997, 1998-1999, 1999-2000, 2000-2001, 2002-03, 2006-2007, 2007-2008, 2008-2009, 2010-2011
  • เอฟเอคัพ แชมป์ 4 สมัย : ฤดูกาล 1993-1994, 1995-1996, 1998-1999, 2003-2004
  • ลีกคัพ แชมป์ 3 สมัย : ฤดูกาล 1991-1992, 2005-2006, 2008-2009, 2009-2010
  • คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 8 สมัย : ปี 1993, 1994, 1996, 1997, 2003, 2007, 2008, 2010
  • ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แชมป์ 2 สมัย : ฤดูกาล 1998-1999, ฤดูกาล 2007-2008
  • ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ แชมป์ 1 สมัย : ปี 1991
  • ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก แชมป์ 2 สมัย : ปี 1999 ,ปี 2008

 รางวัลส่วนตัว

  • นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ : 2009
  • ดาวรุ่งยอดเยี่ยมของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ : 1992, 1993
  • บราโว อวอร์ด : 1993
  • ได้รับเลือกให้อยู่ในทีมแห่งทศวรรษของพรีเมียร์ลีก : 2003
  • ได้รับเลือกเข้าสู่หอเกียรติยศฟุตบอลอังกฤษ : 2005
  • นักฟุตบอลเวลส์ยอดเยี่ยมแห่งปี : 1996, 2006
  • รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนของพรีเมียร์ลีก : กันยายน 1993, สิงหาคม 2006, กุมภาพันธ์ 2007
  • ได้รับเลือกให้อยู่ในทีมแห่งศตวรรษของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ : 2007
  • ได้รับเลือกให้อยู่ในทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ : 1993, 1994, 1995, 1996, 1998, 2001, 2007 
  • เป็นผู้เล่นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเพียงคนเดียวที่ได้แชมป์ลีกมากถึง 12 สมัย


Ryan Joseph Giggs

2. Ryan Joseph Giggs
เกิด  29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2516  (38 ปี)เมืองเกิด  คาร์ดิฟฟ์ เวลส์
ตำแหน่ง  กองกลางตัวรุก กองหน้าตัวต่ำหมายเลขเสื้อ : 11

            
         นับจากอดีตมาถึงปัจจุบันมียอดนักฟุตบอลมากมายที่ได้ฉายาว่า "ปีกพ่อมด" ด้วยลีลาการลากเลื้อยที่ราวกับมีเวทมนต์บนปลายเท้า แต่จะมีสักกี่คนที่มีความจงรักภักดีและรับใช้สโมสรฟุตบอลเพียงแห่งเดียวได้ตลอดชีวิตถึงกว่า 700 นัดเหมือนปีกพ่อมดชาวเวลส์ ที่ชื่อไรอัน กิ๊กส์ คนนี้

ไรอัน โจเซฟ กิ๊กส์ หรือชื่อเดิมว่าไรอัน โจเซฟ วิลสัน เป็นยอดนักฟุตบอลในยุคใหม่ที่มีความเก่งกาจและได้รับการยอมรับนับถือมากที่สุดจากผลงานความสำเร็จมากมายในสีเสื้อแดงร้อนแรงของทีม "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นสโมสรแรกและสโมสรเดียวในชีวิตของเขานับตั้งแต่ยังเป็นนักเตะเยาวชนเลยทีเดียว

กิ๊กส์ เกิดในเวลส์ โดยเดิมทีใช้นามสกุลวิลสัน ตามคุณพ่อแดนนี่ วิลสัน อดีตนักรักบี้แต่ก็ได้เปลี่ยนมาใช้นามสกุล กิ๊กส์ ของแม่ และถูกพามาเลี้ยงในซัลฟอร์ด เมืองทางตอนเหนือของอังกฤษ ทำให้กิ๊กส์ ถือเป็นคนแมนคูเนี่ยน พูดสำเนียงแมนคูเนี่ยน มาตั้งแต่ต้น

ไรอัน กิ๊กส์ ย้ายจาก เวลส์ มาอยู่ที่อังกฤษ ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ในตอนนั้นเขาเล่นให้กับทีมเยาวชนของสโมสร ดีน ซึ่งเป็นที่แรกที่เขาได้เรียนรู้การเล่นฟุตบอล โค้ชของเขาในตอนนั้นคือ เดนิส สโคฟิลด์ ซึ่ง กิ๊กส์ ถูก เดนิส ส่งไปเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จนกระทั่งอายุได้ 14 ปี ในวันเกิดปีที่ 14 ของเขา อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้เดินทางไปที่บ้านของเขาใน สวินตัน เมืองแมนเชสเตอร์ เพื่อติดต่อนักฟุตบอลหนุ่มน้อยผู้นี้ไปร่วมทีม

หลังจากที่ เฟอร์กี้ ได้ฟังคำยืนยันจากหัวหน้าสเกาต์ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือ เคน บาร์เนส ว่าทางสโมสรจะไม่เซ็นสัญญากับนักเตะผู้นี้ และนั่นก็ทำให้พวกเขาสูญเสียอย่างมหาศาลกับสิ่งที่พวกเขาปล่อยให้หลุดลอยไป ซึ่งกลับเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเวลาต่อมา

ขณะที่ กิ๊กส์ อายุได้ 16 ปี เขาก็ได้เซ็นสัญญาร่วมทีมสมัครเล่น (YTS) และเริ่มเล่นเป็นอาชีพเมื่อเดือน พฤศจิกายน ปี ค.ศ. 1990 หลังวันเกิดครบรอบ 17 ปี เพียงไม่นาน ทั้งๆ ที่เขาเคยเป็นกัปตันทีม England Schoolboys แต่นั่นก็เป็นเพียงช่วงที่เขาเรียนในอังกฤษเท่านั้น เขาก็ไม่สามารถเล่นให้ทีมชาติอังกฤษได้ เพราะเขาเกิดและเติบโตที่ เวลส์ ทั้งพ่อแม่ และญาติพี่น้องก็เป็นคนชาติ เวลส์ ดังนั้นเขาจึงต้องเล่นให้กับทีมชาติ เวลส์ เท่านั้น จะเป็นทีมอื่นไปไม่ได้



ชีวิตในวัยเยาว์ของกิ๊กส์ ได้ร่ำเรียนศึกษาวิชาความรู้รวมทั้งวิชาลูกหนังอยู่ในอังกฤษ ซึ่งแม้ว่ากิ๊กส์ จะยืนยันความภูมิใจที่มีหลายเชื้อชาติผสมผสานกัน (ได้จากพ่อที่เป็นคนอพยพชาวเซียร่า ลีออน แต่ได้สัญชาติเวลส์) และเคยเป็นถึงกัปตันทีมนักเรียนอังกฤษ แต่ไรอัน กิ๊กส์ ก็เลือกที่จะรับใช้ทีมชาติเวลส์ ในเวลาต่อมา

ในวัย 14 ปี กิ๊กส์ เคยเกือบที่จะได้เซ็นสัญญากับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่แล้ว แต่โชคชะตาของเขาถูกลิขิตมาให้เป็นซูเปอร์สตาร์ใน "โรงละครแห่งความฝัน" โอลด์ แทรฟฟอร์ด พรสวรรค์ที่เปล่งประกายออกมาอย่างโดดเด่นเหนือนักเตะรุ่นเดียวกัน ทำให้อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (ขณะนั้นยังไม่ได้รับยศอัศวิน) ถึงกับเดินทางไปเคาะประตูถึงบ้านเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เลือกเซ็นสัญญาเป็นนักเตะเยาวชนกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แทน

และการตัดสินใจครั้งนี้ของเฟอร์กี้ ก็เป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่ดีที่สุดของยอดผู้จัดการทีมคนนี้ ซึ่งหลังจากที่กิ๊กส์ ได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะฝึกหัดของทีมได้ 3 ปี ก็ได้เซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพในวันเกิดอายุครบรอบ 17 ปี และเริ่มต้นลงสนามเป็นเกมแรกในเกมกับเอฟเวอร์ตัน ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในวันที่ 2 มี.ค.1991 โดยลงไปแทนเดนนิส เออร์วิน แบ็กซ้ายจอมเก๋าชาวไอริช

หลังจากนั้นกิ๊กส์ ซึ่งแจ้งเกิดได้เต็มตัวในเกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ โดยเป็นผู้ยิงประตูชัยให้ทีมยูไนเต็ด เอาชนะซิตี้ ได้และเป็นประตูแรกของเขาด้วย ก็เริ่มได้รับการจับตามองในฐานะเจ้าหนูมหัศจรรย์คนใหม่ของวงการฟุตบอลอังกฤษ

โดยเฉพาะลีลาการลากเลื้อยสุดมหัศจรรย์ และหน้าตาที่หล่อเหลาคมคายทำให้ "กิ๊กซี่" กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ดวงใหม่ในเวลาอันรวดเร็ว และได้รับการเปรียบเปรยเป็นทายาทของ "เทพบุตรลูกหนัง" จอร์จ เบสต์ ตำนานปีกซ้ายอมตะของชาวเร้ดอาร์มี่ ที่ขึ้นชื่อลือชาทั้งในเรื่องฝีเท้าที่เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในโลก และเสน่ห์ในฉบับเพลย์บอยที่ต่อมากลายเป็นยาขมทำลายชีวิตนักเตะของเบสต์ จนพังพินาศ

Paul scholes (3)

เกียรติประวัติ ของ "พอล สโคลส์"
- พรีเมียร์ลีก 10 สมัย : 1995-96, 1996-97, 1998-99, 1999-2000, 2000-01, 2002-03, 2006-07, 2007-08, 2008-09 และ 2010-2011
- เอฟเอคัพ 3 สมัย : 1995-96, 1998-99, 2003-04
- ลีกคัพ 2 สมัย : 2008-09, 2009-10
- คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 5 สมัย : 1996, 1997, 2003, 2008, 2010
- ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2 สมัย : 1998-99, 2007-08
- Intercontinental Cup 1 สมัย : 1999
- ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ 1 สมัย : 2008







Paul scholes (2)

ไม่ง่ายที่นักฟุตบอลอาชีพคนหนึ่ง จะสามารถทำผลงานได้เข้าตาตำนานลูกหนังโลกอย่าง เซอร์ บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน ได้

         แต่อดีตดาวเตะทีมชาติอังกฤษชุดแชมป์โลก และอดีตสตาร์ แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดแชมป์ยุโรปครั้งแรก กลับประทับอกประทับใจไอ้หนุ่มหัวแดงนาม พอล สโคลส์ เป็นอย่างยิ่ง
         "เขาคอนโทรลลูกบอลได้เฉียบขาด แถมยังผ่านบอลได้สุดแจ่ม นี่คือนักเตะที่เล่นฟุตบอลได้เนียนตาดีเหลือเกิน" เซอร์ บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน นิยามนักเตะรุ่นหลานเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบ
         สโคลส์ เป็นผลิตผลชิ้นงามจากโรงเรียนลูกหนัง "ปีศาจแดง" เจเนอเรชั่นเดียวกับ เดวิด เบ็คแฮม, ไรอัน กิ๊กส์, นิคกี้ บัตต์ รวมถึงสองศรีพี่น้อง แกรี่ กับ ฟิล เนวิลล์ ในช่วงกลางยุคไนน์ตี้ส์
         หนุ่มจอมห้าวผู้เกิดแถบ ซัลฟอร์ด เหมาสองลูกในเกมประเดิมสนามของตัวเองกับสโมสร โดยเป็นการเจอกับ พอร์ทเวล ใน ลีก คัพ เมื่อฤดูกาล 1994/95  ขณะที่ประตูแรกของ สโคลส์ ในเกมลีก เกิดขึ้นกับ อิปสวิช ในปีเดียวกัน
         ฤดูกาลที่แจ่มสุดๆ ของ สโคลส์ ใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แน่นอนว่า ต้องมีฤดูกาล 1995/96 ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้า "ดับเบิ้ลแชมป์" ได้ ซึ่งดาวเตะหัวแดงเพลิง เข้ามาเสียบแทนการหายไปของ เอริค คันโตน่า ที่โดนแบนได้อย่างสมบูรณ์แบบ
         สโคลส์ จบฤดูกาลที่น่าจดจำดังกล่าว ด้วยการคว้าอันดับรองดาวซัลโวของสโมสร โดยทำไป 14  เม็ด เป็นรองเพียง คันโตน่า เพียงคนเดียว
         "สโคลซี่ย์" ยังฉายฟอร์มสุดยอดในฤดูกาลที่ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้า "เทรเบิ้ลแชมป์" เมื่อปี 1999 แม้ว่า จะอดเล่นในนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะติดโทษแบน
         ในฤดูกาล 2003 ที่ "ปีศาจแดง" กลายร่างเป็นเทพในพรีเมียร์ลีกนั้น 20 ประตูทองของ สโคลส์ ก็ถือว่า มีความสำคัญสุดยอดเช่นเดียวกัน
         พูดน้อย แต่ต่อยหนัก คือคุณสมบัติของดาวเตะผู้เป็นที่ใฝ่ฝันของกุนซือทุกคนบนโลกรายนี้
         สโคลส์ สามารถทำประตูได้จากทุกระยะของสนาม
         ในระดับชาติ สตาร์รายนี้ รับใช้ทีมชาติอังกฤษไปทั้งหมด 66 วาระ ก่อนประกาศขอเลิกหลังจบศึก ยูโร 2004 ที่ โปรตุเกส
         นับตั้งแต่นั้น สโคลส์ ก็หันมาทุ่มเทให้กับการรับใช้สโมสร แมนฯ ยูไนเต็ด แบบเต็มตัว แม้จะถูกจีบให้หวนคืนทีมชาติหลายครั้ง แต่ก็ส่ายหน้าตอบทุกครั้ง
         ปัญหาทางสายตาของ สโคลส์ ทำให้เขามีส่วนร่วมกับฤดูกาล 2005/06 เพียงน้อยนิด
         แต่ "สโคลซี่ย์" ก็รีเทิร์นกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2006/07
         ไฮไลต์ส่วนตัวคือการซัดเปิดแผล ลิเวอร์พูล ในชัยชนะ 2-0 เมื่อเดือนตุลาคม 2006 รวมถึงการวอลเล่ย์เต็มเหนี่ยวในเกมบุกถล่ม แอสตัน วิลล่า 3-0 ในอีกสองเดือนถัดมา ซึ่งประตูนี้ ถูกคัดเลือกให้เป็นประตูยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลโดยแฟนๆ ของสโมสรด้วย
         ผลงานที่ใช้เท้าพูดแทนปาก ส่งผลให้เพื่อนนักเตะ และนักข่าว เลือกให้ สโคลส์ เข้าป้ายอันดับสามสำหรับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมสมาคมนักฟุตบอลอาชีพหรือ พีเอฟเอ และอันดับสี่สำหรับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสมาคมนักข่าว ซึ่งทั้งสองรางวัล ตกเป็นของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้
         สำหรับฤดูกาล 2007/08 นี้ "สโคลซี่ย์" มีโอกาสลบล้างความผิดหวังที่เคยพลาดนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อเก้าปีก่อน หลังจากที่ตะบันประตูดับ บาร์เซโลน่า พร้อมกับส่ง "ปีศาจแดง" ทะยานสู่ มอสโก อย่างองอาจ และคว้าชัยชนะร่วมกับทีมเหนือ เชลซี ไปได้
         ในฤดูกาลที่ 2008/09 สโคล มีอายุ 34 ปีแล้ว นักเตะรุ่นเดียวในขณะนี้มีแค่ ไรอัน กิ๊กส์ เท่านั้น ซึ่งในฤดูกาลนี้สโคลได้ลงเล่นไปทั้งสิ้น 35 นัด ทำได้ 3 ประตู ต้องดูกันต่อไปว่า ฤดูกาล 2009/10 สโคล จะยังไม่ลงเล่นต่อไปอีกหรือไม่    


สมัยวัยละอ่อน   ไรอัน กิกส์ บัต  แบคแฮม แกรี่-ฟิล เนวิลล์ และ สโคลส์

 กับเชอริงแฮม

จากอดีตสู่ปัจจุบัน

Paul scholes

  ตำนานนักแตะแมนยู
 จัดเรียงลำดับตามความชอบส่วนตัวนะครับ
 พอล สโคลส์

1. Paul Scholes
เกิด 16/11/1974
เมืองเกิด ซัลฟอร์ด, อังกฤษ
ตำแหน่ง กองกลาง
หมายเลขเสื้อ ฤดูกาล 2004-2005 เบอร์ 18 

           
         ครั้งแรกที่ผมได้ดูนักแตะแมนยู คนแรกที่ผมชอบทันทีคือ พอล สโคลส์  เป็นนักแตะที่เล่นบอลฉลาด  จับบอล 1-2 จังหวะเท่านั้นและก็จ่ายบอลสั้นบอลยาวได้แม่น และมีความคิดสร้างสรรค์ เล่นบอลกับพื้น หรือว่าลูกกลางอากาศก็ทำได้ดี

พอล สโคลส์ เซ็นสัญญามนักฟุตบอลฝึกหัดกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 1991 และเป็นนักเตะอาชีพ 18 เดือน หลังจากนั้นในวันที่ 23 มกราคม 1993 ในขณะที่เล่นให้กับทีมเยาวชนเขาโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมมาก และได้แชมป์ เอฟเอ ยูธ คัพ กับทีมชุดเยาวชนในปี 1993 อีกทั้งเขายังลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี และคว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพส์ ในปี 1993 ด้วย

เขาลงเล่นในลีกให้กับสโมสรครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 กันยายน 1994 โดยนัดนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบกับ อิปสวิช ทาวน์ และแม้เขาจะสามารถยิงได้ถึง 2 ประตู แต่ผลการแข่งขันก็จบลงที่ ความพ่ายแพ้ของทีม 2 – 3

ในฤดูกาล 1994/95 เขาได้ลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่มากขึ้น เนื่องจากต้องลงเล่นแทน เอริค คันโตน่า ที่ติดโทษแบน บางนัดก็ลงเล่นแทนตำแหน่งของ มาร์ค ฮิวจ์ส ที่มีอาการบาดเจ็บ อีกทั้งได้ลงเป็นตัวสำรองแทน ลี ชาร์ป ในศึก เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศอีกด้วย

อย่างไรก็ดี ในฤดูกาลนี้ก็จบลงด้วยการไม่ได้แชมป์ใดๆ เลย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี แต่ในฤดูกาลถัดมา พวกเขาก็สามารถคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ครั้งที่ 3 ในรอบ 4 ปีมาได้ และนั่นก็เป็นแชมป์ใหญ่แชมป์แรกของเขา อีกทั้งการที่ทีมเอาชนะ ลิเวอร์พูล ในรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ก็ทำให้ทั้งเขาและสโมสร ได้ ดับเบิ้ลแชมป์ อีกด้วย